วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อย่าเชื่อ Don't believe

 




 
How do we know what to believe?
 
There is a teaching called
 
Kalamasutta
 
to advise
 
on how to believe
 
 
Do not believe in anything (simply)

because you have heard it.
 
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)

อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา

 ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
 
 

Do not believe in traditions because they

have been handed down for many generations.

อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
 
อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
 
 

Do not believe in anything because it is
 
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
 
อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า
 
เขาว่าอย่างนี้
 
ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย


Do not believe in anything (simply) because

of your teachers and elders.
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)

อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก
ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น

เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด

เพราะอย่าลืมว่า

ตำราบางเล่ม

คนแต่งก็มั่วมาบ้าง

เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง

 


Do not believe in anything merely on the authority.

อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี

ควรทำตาม ทดสอบดู

ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ

ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้


Do not believe in anything (simply) because
 
you think it is true without logical reasoning. 


อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)

อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง

เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ

ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา


Do not believe in anything (simply) because
 
you conclude it from the statistics , history or possibility.


อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
 

อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน
การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์

ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้

เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย



Do not believe in anything (simply) because
 
of your reasonings.

อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)

อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ

อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้

ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย

เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน

อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้

เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง

นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง

เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต



Do not believe in anything (simply) because
 
it is in concordance with your theory.

อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)

อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว

อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่

อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้

คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก



Do not believe in anything (simply) because
 
of the well educated appearance of the speakers.

อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)

อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้

ระวังจะโดนหลอก

อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง



But after observation and analysis


when you find that anything agrees with reason

and is conductive to the good and benefit of one and all

then accept it and live up to it.




 ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า เรื่องเหล่านั้น






เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว






จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น


 
credit Buddha4u

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น